ประเพณีและวัฒนธรรมไทย

 
ประเพณีและวัฒนธรรม 
 
ประเพณีลอยกระทง  เผาเทียนเล่นไฟ  จังหวัดสุโขทัย
ประเพณีลอยกระทง  เผาเทียนเล่นไฟ  จังหวัดสุโขทัย
          ประเพณีไทย – “พระราชพิธีจองเปรียง  แห่งเมืองสุโขทัย  เผาเทียน  เล่นไฟ  พลุ  ตะไล  ไฟพะเนียง  โคมลอยรูปดอกกระมุท  ที่สุดของโคม  แห่นางนพมาศ  บูชาพระพุทธมหานัมมทาน  วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒  ประชาราษฎร์กล่าวขาน  ลอยกระทง  เผาเทียน  เล่นไฟ  ร่วมแรงศรัทธาเผาเทียนบูชาพระรัตนตรัย  สว่างไสวพร้อมกัน”
พระราชพิธีจองเปรียงมีมาแต่โบราณ  ช่วงสมเด็จพระร่วงเจ้า  จากหลักฐานในหนังสือตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์  ได้กล่าวถึงนางนพมาศว่า  เมื่อครั้งสมเด็จพระร่วงเจ้า  พร้อมด้วยพระอัครมเหสีและพระสนมฝ่ายใน  เสด็จลงประพาสลำน้ำในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒  ตามพระราชพิธีในเวลากลางคืน  เพื่อทอดพระเนตรการนักขัตฤกษ์  นางนพมาศจึงได้ประดิษฐ์กระทงถวายเป็นรูปดอกกระมุทหรือรูปดอกบัว  สมเด็จพระร่วงเจ้าพอพระทัยมาก  จึงประกาศว่า  “แต่นี้สืบไปเบื้องหน้า  กษัตริย์ในสยามประเทศ  ถึงการกำหนดนักขัตฤกษ์  วันเพ็ญเดือน ๑๒  พระราชพิธีจองเปรียง  แล้วก็ให้กระทำโคมลอยเป็นรูปดอกกระมุท  อุทิศสักการบูชาพระพุทธมหานัมมทาน  ตราบเท่ากัลปาวสาน”
นอกจากนี้ในศิลาจารึกหลักที่ 1 บรรทัดที่ 14 ได้กล่าวถึงการเผาเทียนเล่นไฟว่า  “…เมืองสุโขทัยนี้มีสี่ปากปตูหลวง  เที้ยรย่อมคนเสียดกัน  เข้ามาดูท่านเผาเทียนเล่นไฟเมืองสุโขทัยนี้มีดั่งจักแตก…”  ซึ่งข้อความใยศิลาจารึกตอนนี้  นายนิคม  มุสิกคามะ  ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๐  ได้เสนอให้จังหวัดจัดงานพลิกฟื้นประวัติศาสตร์ประเพณีลอยกระทงขึ้นให้เป็นงานระดับชาติ  โดยให้ชื่องานตามคำในศิลาจารึกว่า  “งานเผาเทียน  เล่นไฟ”  เน้นการฟื้นฟูประเพณีลอยกระทง  เผาเทียน  เล่นไฟ  พลุ  ตะไล  ไฟพะเนียง  ดอกไม้ไฟชนิดต่างๆ  โดยจังหวัดสุโขทัย  ได้ร่วมกับกรมศิลปากร  และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดงานลอยกระทง  เผาเทียนเล่นไฟ  ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ เรื่อยมา
ในงานลอยกระทง  เผาเทียน  เล่นไฟ  จังหวัดสุโขทัยได้จัดให้มีพิธีเผาเทียนแบบโบราณ  โดยเชิญชวนให้ประชาชนร่วมพิธีซื้อตะคัน  เผาเทียนบูชาพระรัตนตรัยและเมื่อจุดแล้วก็ให้นำไปวางบนฐานหรือระเบียงโบสถ์วิหาร  พระเจดีย์  โบราณสถานในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย  และผ่ายในงานยังมีการแสดงแสง  สี  เสียง  จำลองบรรยากาศงานเผาเทียนเล่นไฟสมัยสุโขทัย  ให้ผู้คนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศได้ชื่นชมตลอดงาน
          -   วันเวลาการจัดงาน : วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒  หรือวันเพ็ญเดือน ๑๒
          -   สถานที่จัดงาน : อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

 
ประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะ  จังหวัดอุทัยธานี
“เทโวโรหณะ  วิถีแห่งศรัทธาต่อศรัทธา”
ประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะ  จังหวัดอุทัยธานี          “ขึ้นแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑  ถึงกำหนดเวียนมาบรรจบ ณ วัดสังกัตรัตนคีรี  ประเพณีตักบาตรเทโว  พระสงฆ์หลายร้อยรูปเดินลงจากยอดเขา  ผ่านบันได ๔๔๙ ขั้นสู่เบื้องล่าง  ที่ยังเนืองแน่นไปด้วยพุทธศาสนิกชนเรือนหมื่น  ที่ยังคงยึดมั่นในวิถีปฏิบัติดั้งเดิม  อันสะท้อนภาพแรงศรัทธาที่สุกสว่าง  ภายในจิตใจของทุกคน”
อุทัยธานี  ชุมชนลุ่มแม่น้ำสะแกกรัง  เมืองเล็กๆ ที่อบอุ่น  และมากด้วยไมตรีจิต  ที่พร้อมมอบให้แก่คนต่างถิ่น  และรอให้เข้ามาสัมผัส  วัฒนธรรม  ประเพณีไทยที่ยังคงเอกลักษณ์  และห่างไกลสิ่งเจือปนจากภายนอก  บางคนมักจะละเลยผ่านไป  แต่ลองหยุดแวะพัก  ค่อยๆ ปล่อยชีวิตให้เดินช้าลง  คุณจะหลงรักเมืองแห่งนี้ได้ไม่ยาก
ณ บริเวณศูนย์กลางของเมือง  ยอดเขาสะแกกรังยังคงเป็นสถานที่ศักสิทธิ์  ที่มีความเชื่อมาแต่โบราณกาลว่าเป็นที่ตั้งของซากโบราณสถาน  ซึ่งเมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๐  พระปลัดใจ  เจ้าอาวาสวัดทุ่งแก้ว  และชาวอุทัยธานีได้ลงแรงช่วยกันสร้างมณฑปสิริมหามายากุฎาคาร  พร้อมก่อสร้างวัดสังกัตรัตนคีรีมงคลประไพอุทัยเขตร์ขึ้น  จนกลายเป็นศูนย์รวมศรัทธาของพุทธศาสนิกชน  ชาวอุทัยธานีและชาวไทยเรื่อยมา
จากนั้นในช่วงวันออกพรรษาของทุกปี  ช่วงค่ำก่อนวันออกพรรษา  ภาพการแสดง  แสง  สี  เสียง  จำลองเรื่องราวพุทธประวัติครั้งที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์  เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากเทวโลกจากการโปรดพระพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์  และเป็นวันสิ้นสุดระยะการจำพรรษาเป็นเวลา ๓ เดือน  หรือเรียกว่า “วันมหาปวารณา”
ประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะ  พระสงฆ์หลายร้อยรูปพร้อมเพรียงเดินลงจากยอดเขาสะแกกรัง 449 ชั้น เป็นสายยาวท่ามกลางฉากหลังคือบันไดที่อยู่ระหว่างกลางภูเขา  ตัดกับขอบฟ้าสีคราม  ดูเสมือนหนึ่งพระสงฆ์กำลังลงมาจากยอดเขาดาวดึงส์  ผู้คนเบื้องล่างตระเตรียมข้าวสารอาหารแห้งมารอใส่บาตรพระสงฆ์  จนเป็นภาพที่จดจำ  ทั้งยังช่วยสร้างศรัทธาและสืบสานให้พระพุทธศาสนาคงอยู่สืบไป
          -   วันเวลาการจัดงาน : เทศกาลออกพรรษา  วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑  ของทุกปี
          -   สถานที่จัดงาน : วัดสังกัตรัตนคีรี  อำเภอเมืองอุทัยธานี
 
ประเพณีการแห่ผ้าห่มองค์พระปฐมเจดีย์  จังหวัดนครปฐม
          “แสงนวลจากจันทร์วันเพ็ญส่องสว่างค่ำคืนให้รื่นเริงไปพร้อมกับเทศกาลนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ประจำปี  ผู้คนจากทั่วสารทิศร่วมบูชาพระบรมสารีริกธาตุด้วยเคารพศรัทธา  เสริมสร้างสิริมงคลแก่ชีวิต  แล้วร่วมแรงร่วมใจแห่ผ้าห่มองค์พระปฐมเจดีย์  อิ่มบุญแล้วยังได้สนุกครึกครื้นไปกับบรรยากาศงานวัด  กิจกรรม  การประกวด  และการละเล่น  จึงมากมายรอยยิ้ม  ความสุขเช่นทุกๆ ปี”
เทศกาลนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์  พิธีที่ถือปฏิบัติสืบเนื่องกันมายาวนานนับร้อยปีของชาวนครปฐม  เมื่อวันเวลาผ่านมาถึงคืนวันเพ็ญเดือนสิบสองของทุกปี  องค์พระปฐมเจดีย์มีผู้คนหลั่งไหลมากราบไหว้บูชาพระบรมสารีริกธาตุ  ดั่งได้เฝ้าอยู่เบื้องพระยุคลบาทแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  สร้างสิริมงคลแก่ชีวิต  ท่ามกลางแสงนวลจากจันทร์เต็มดวงในคืนวันเพ็ญ  ยามต้ององค์พระปฐมเจดีย์ปูชนียสถานซึ่งมีประวัติความเป็นมายาวนานคู่แผ่นดินสุวรรณภูมิ  นับแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช  นับอายุกว่าพันปีที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า  ภายใต้พระเจดีย์ใหญ่รูประฆังคว่ำ  ปากผายมหึมา  โครงสร้างเป็นไม้ซุง  รัดด้วยโซ่เส้นมหึมา  ก่ออิฐ  ถือปูน  ประดับด้วยกระเบื้องปูทับ  ประกอบด้วยวิหาร ๔ ทิศ  กำแพงแก้ว ๒ ชั้น  งดงามเคียงคู่กาลเวลา
และอีกหนึ่งประเพณีปฏิบัติเคียงคู่ไปกับการนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์นั่นคือ  แห่ผ้าห่มองค์พระปฐมเจดีย์  โดยเชื่อกันมาแต่โบราณว่า  ถ้าถวายสิ่งของเครื่องใช้แด่พระภิกษุสงฆ์จะได้บุญกุศล  เป็นส่วนหนึ่งของการบูชาพระรัตนตรัย  โดยเฉพาะการถวายผ้ากาสาวพัสตร์จะได้บุญกุศลมาก  ผู้คนจึงได้ร่วมแรงร่วมใจนำผ้ากาสาวพัสตร์ต่อกันเป็นผืนยาว  จัดเป็นขบวนแห่รอบองค์พระปฐมเจดีย์  ช่วยกันจับขึงไว้บนบ่าทั้งผืนด้วยแรงสามัคคี  ขบวนแห่ผ้าห่มจะเดินเวียนรอบองค์พระปฐมเจดีย์ ๑ รอบ  แล้วมาพักไว้บริเวณด้านหน้าองค์พระปฐมเจดีย์  ให้พุทธศาสนิกชนเขียนคำอุทิศส่วนกุศลลงบนผืนผ้า  ถึงวันเพ็ญเดือนสิบสอง  และวันสุดท้ายของการจัดงานนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์  จึงนำผ้าไปเวียนแห่รอบองค์พระปฐมเจดีย์ด้านใน  ตามแบบทักษิณาวัตรอีก ๓ รอบ  แล้วจึงนำขึ้นไปห่มพันรอบองค์พระปฐมเจดีย์ที่บริเวณเสาหานส่วนคอของพระเจดีย์เป็นอันเสร็จพิธี
เทศกาลนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์  สะท้อนความศรัทธาสามัคคี  สืบสานประเพณี  ทำนุบำรุงพุทธศาสนา  ผู้เฒ่าผู้แก่  หนุ่มสาว  ลูกหลาน  ส่งต่อพิธีปฏิบัติจากรุ่นสู่รุ่นให้คงอยู่คู่วิถีชีวิตต่อไป
          –  ระยะเวลาจัดงาน : วันขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๒  ถึง  วันแรม ๕ ค่ำ เดือน ๑๒  รวม ๙ วัน ๙ คืน
          –  สถานที่จัดงาน : วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร
ประเพณีการแห่ผ้าห่มองค์พระปฐมเจดีย์  จังหวัดนครปฐม
 
 ที่มา: http://xn--k3cikmwc5gwb5fxbya.com/          


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น